Skip to main content
ดราม่า มหาวิทยาลัย ให้ทุน Influencer
ดราม่า มหาวิทยาลัย ให้ทุน Influencer

มหาวิทยาลัย ให้ทุน Influencer สำหรับผู้ที่มียอดติตตาม 300,000 คนขึ้นไป รับทุน 100% ค่าหน่วยกิต ตลอดหลักสูตร กำลังเป็นดราม่าที่ถกเถียงกันอยู่ในตอนนี้ครับ (ต้นกุมภาพันธ์ 2023) แน่นอนว่ามีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย มันถึงเป็นประเด็นขึ้นมา ผมคงไม่บังอาจไปฟันธงว่าสิ่งที่มหาวิทยาลัยทำเป็นเรื่องที่เหมาะสม หรือ จะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่ แต่สำหรับผมแล้ว ผมชื่นชมในความคิดต่าง นอกกรอบ และการปรับตัว ของมหาวิทยาลัยครับ

มหาวิทยาลัย ยุคนี้ ต้องปรับตัว

Disruption การเปลี่ยนแปลง
มหาวิทยาลัย องค์กรที่กำลังถูก Disrupt อย่างหนักตอนนี้

เราคงได้ยินเรื่องราวที่ว่า มหาวิทยาลัย เป็นอีกธุรกิจ (หรือหน่วยงาน) หนึ่งที่โดน Disrupt อย่างหนัก ซึ่งผมมองว่า ในประเทศไทย การ Disrupt นั้นรุนแรงกว่าในต่างประเทศซะอีก ทั้งนี้เพราะ

  • อัตราการเกิดของคนไทยน้อยลงมาก ทำให้จำนวนคนที่เข้าศึกษามีแนวโน้มลดลง
  • ความนิยมของการส่งลูกเข้าเรียนอินเตอร์สูงมากขึ้น รวมถึงเด็กไทยส่วนใหญ่ก็เน้นภาษาอังกฤษ ทำให้การที่นักเรียนจะไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย สูงมากเช่นกัน
  • ความนิยมที่จะไปต่างประเทศสูงมากขึ้น ทั้งการไปเรียน ใช้ชีวิต ไปทำงาน
  • มหาวิทยาลัยดังๆ ต่างประเทศ ปรับตัวให้เรียนออนไลน์ราคาไม่แพง และได้รับปริญญาด้วย
  • การที่คนยุคปัจจุบัน เน้นที่การศึกษาตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่ในมหาวิทยาลัย
  • ความรู้ที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก จนการศึกษาในมหาวิทยาลัยปรับตามไม่ทัน และ ล้าหลังไป
  • เทคโนโลยีการศึกษาที่ทำให้หลายๆ อาชีพ ไม่จำเป็นต้องอาศัยมหาวิทยาลัยในการเรียนรู้
  • และคงมีอีกหลายปัจจัย ที่ผมยังไม่มองเห็น

เมื่อ จำนวนคน จะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยน้อยลง การแข่งขันที่รุนแรง การปรับตัวต่างๆ ย่อมตามมา เพื่อที่จะให้คนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมากขึ้น หรือ ให้มหาวิทยาลัยนั้นๆ เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการเลือกของผู้ที่ต้องการเรียนมหาวิทยาลัยนั่นเอง

ยุคทองของ Influencer / KOL

Influencer และ KOL มีอิทธิพลทางความคิดต่อผู้ติดตามมากกว่าดารา
Influencer และ KOL มีอิทธิพลทางความคิดต่อผู้ติดตามมากกว่าดารา

ในตอนนี้เราคงต้องยอมรับว่า Influencer และ KOL (Key Opinion Leader) มีอิทธพลต่อความคิดของผู้ติดตามสูงมาก มากกว่าดาราดังๆ (Celebrity) ซะอีก ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะ ถ้าเทียบกันแล้ว คนที่ติดตาม Influencer หรือ KOL จะเป็นคนที่สนใจเรื่องที่ Influencer หรือ KOL นั้นทำจริงๆ จึงเลือกที่จะติดตาม เช่น ชอบการท่องเที่ยว ชอบไลฟ์สไตล์ ชอบการกินอาหาร ชอบแนวคิด ชอบชีวิตประจำวัน ของ Influencer หรือ KOL นั้นๆ

หรือก็คือ คนติดตาม มักจะเป็นคนแบบเดียวกัน คิดแบบเดียวกัน สนใจเรื่องเดียวกัน อิทธิพลทางความคิดที่ Influencer หรือ KOL มีต่อผู้ติดตามจึงสูงมาก แปลว่า ถ้า KOL เรียนมหาวิทยาลัยนี้ ทำ Content ชีวิตประจำวันที่มหาวิทยาลัยนี้ มีเพื่อนๆ มีบรรยากาศการเรียน ให้ดู ก็มีโอกาสที่ผู้ติดตามสนใจและเลือกจะเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับ Influencer หรือ KOL ไปด้วย

Content ที่ได้เข้าถึงได้ เป็นมิตรและโดนใจคนรุ่นใหม่มากกว่า

ลองนึกถึง โฆษณา หรือ Content แนะนำให้มาเรียนมหาวิทยาลัยดูครับ ว่าที่ผ่านๆ มาเป็นอย่างไร อาจจะเป็นวีดีโอ แนะนำมหาวิทยาลัย มีนิสิต/นักศึกษาหน้าตาดี มาพูดๆ อาจจะมีอาจารย์ดังๆ หรือ อธิบดี มาพูดๆ แล้วก็เชิญชวนให้มาสมัครเรียนกันเถอะ อนาคตที่สดใสรอเราอยู่

หรือถ้าเป็นรูป ผมเชื่อว่าทุกๆ คน คงนึกถึงรูปประมาณนี้

โฆษณาเชิญชวนให้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย
โฆษณาเชิญชวนให้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัย (ควรแต่งตัวเครื่องแบบมหาวิทยาลัย)

ก็คือ มีรูปนิสิต/นักศึกษา แต่งตัวเครื่องแบบมหาวิทยาลัย ถือหนังสือ ดูมีความสุขกับการเรียน

แน่นอนครับ รูปแบบนี้ อาจจะได้ผลในยุคก่อนๆ แต่ในยุคที่คนรุ่นใหม่ชอบอะไรที่เข้าถึงอารมณ์ มี Emotion เข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า ชอบอะไรที่เข้าถึงได้ จับต้องมากกว่า ถ้าเราไปเจอ มหาวิทยาลัย หรือ คณะไหนที่ Influencer หรือ KOL ทำ Content ให้ประมาณว่า

  • แสดงให้เห็นถึงชีวิตในมหาวิทยาลัยในแต่ละวัน
  • แสดงให้เห็นว่าคณะนั้น เรียนอะไร เรียนยังไง
  • ความสัมพันธ์ของเพื่อน กิจกรรมต่างๆ มีสนุก มีเศร้า มีน้ำตา มีสมหวัง มีผิดหวัง
  • ไปกิน ไปเที่ยว ที่ไหน ยังไง
  • เข้าประกวด เตรียมการประกวด กิจกรรมบางอย่าง ยังไง
  • ความลำบาก ความท้าทายของการทำโปรเจ็คจบแต่ละปี
  • การฝึกงาน บริษัทต่างๆ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ใช่อะไรที่จะได้เห็นง่ายๆ
  • ค่อยๆ เห็นการเติบโตของคนๆ หนึ่ง จากเฟรชชี่ ไปจนจะจบ เป็นยังไง
  • อีกเยอะมากครับ

จะเห็นว่า อิทธิพลมันคนละเรื่องเลยกับวีดีโอหรือรูปที่ดูเป็นทางการ ประโยชน์ที่ได้ผมเชื่อว่ามันเป็น Win-Win อย่างชัดเจน ปกติ Influencer หรือ KOL ต้องทำ Content ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว จะบอกว่าไปรับงานได้เงินเยอะกว่า แต่คนเหล่านี้เติบโตได้เพราะ Content ครับ ไม่ใช่การรับงาน/ทำเงิน ส่วนมหาวิทยาลัย ก็ได้รับการโปรโมทอย่างตรงจุด เอาให้เห็นกันชัดๆ เลยว่าคนเข้ามาจะเจออะไร แบบไหน เรียนยังไง และคนเห็นเยอะอีกด้วย

ตัวเลข 300,000 ผู้ติดตาม มีความหมายอะไร

ตัวเลขมีความหมาย
ตัวเลข 300,000 ผู้ติดตาม แปลว่าอะไร

สำหรับตัวเลข 300,000 ผู้ติดตาม ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับวัยรุ่นที่อายุไม่ถึง 18 ระดับหนึ่ง เพราะคนๆ หนึ่ง กว่าจะรู้ กว่าจะเข้าใจว่าตัวเองชอบอะไร อยากทำอะไร หรือแสดงตัวตนออกมาให้เห็นเพื่อให้มีผู้ติดตาม หลายๆ คนก็เข้าสู่ช่วงอายุ 20-30 ปี ไปแล้ว ซึ่งก็พูดยากเหมือนกันครับ ว่า Influencer ช่วง ม.ปลาย จะเป็นแนวไหน

ส่วนถ้ามองในมุมมองมหาวิทยาลัย หรือ คณะๆ หนึ่ง ถ้าคิดเร็วๆ ว่า Influencer หรือ KOL หนึ่งคน สามารถทำให้คนสัก 0.01% จากยอดผู้ติดตาม 300,000 สนใจเข้าคณะนั้นๆ ได้ ก็จะคิดเป็น 30 คน ถ้าให้ทุนนี้สัก 3 คน ก็จะได้คนสนใจต่อปี 90 คน แค่นี้ก็เรียกว่า เพียงพอ หรือ เกินพอ สำหรับคณะๆ หนึ่งแล้วครับ

แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ท้าทายรออยู่

ความเสี่ยงและความท้าทาย
ความเสี่ยงและความท้าทาย

คงไม่มีอะไรที่ดีไปซะทุกอย่าง และคงไม่มีอะไรที่เสียไปซะทุกอย่างครับ การที่ทำการตลาดผ่าน Influencer สำหรับองค์กรการศึกษา ที่ต้องมีความน่าเชื่อถือสูง ถือว่ามีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น

  • Influencer หรือ KOL ที่ความประพฤติดีในตอนนี้ อนาคตก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
  • ถ้า Content หรือแนวคิดที่สื่อออกมา สร้างความขัดแย้งทางความคิด มหาวิทยาลัยหรือคณะนั้นๆ จะได้รับผลกระทบมากกว่าปกติ
  • การที่ให้เห็นทุกอย่าง เปิดเผยมากเกินไป จากคนใน ก็มีความเสี่ยงในบางเรื่องเช่นกัน

ซึ่งผมเชื่อว่า คงจะมีการกำหนด กฎเกณฑ์ ควบคุมเนื้อหา ระดับหนึ่งครับ

และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น

มหาวิทยาลัย เป็นองค์กร หน่วยงาน ธุรกิจ ที่กำลังถูก Disrupt อย่างหนัก และอย่างรวดเร็ว เราจะเห็นอะไรที่น่าสนใจตามมาอีกหลายอย่าง ด้วยตลาดที่หดตัวเล็กลง เพราะอัตราการเกิดลดลง และอัตราการไปต่างประเทศมากขึ้น การแข่งขันจากมหาลัยชั้นนำทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบทำนองเดียวกัน รวมถึง ความรู้หลากหลายสาขา ที่สามารถหาได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งมหาวิทยาลัยอีกต่อไป

ผมเชื่อว่าเราจะเห็นอะไรที่น่าสนใจมากกว่านี้ในอนาคตอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น คอร์สเรียนฟรี สอนผ่านออนไลน์ การ Collapse กันของมหาวิทยาลัย การรวมตัวกันของมหาวิทยาลัย รวมไปถึง การปิดตัวของมหาวิทยาลัยครับ

Leave a Reply